ตัวยาคีโทโคนาโซล (Ketoconazole) จัดอยู่ในกลุ่มยาฆ่าเชื้อรา ใช้เพื่อรักษาและป้องกันการติดเชื้อราที่ผิวหนัง โดยทั่วไปจะมีทั้งรูปแบบยาเม็ดรับประทาน สเปรย์ และแชมพู ซึ่งรูปแบบแชมพู (Shampoo) นั้นโดยทั่วไปคนจะเข้าใจว่าสามารถนำมาใช้สำหรับสระผมเพื่อขจัดรังแคที่หนังศีรษะเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วแชมพูที่มีส่วนผสมของตัวยาคีโทโคนาโซล (Ketoconazole) สามารถนำมาใช้เพื่อฟอกที่ผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ เช่น ในโรคเซ็บเดิร์ม (โรคต่อมไขมันอักเสบ) โรคเกลื้อนตามลำตัว และโรคฮ่องกงฟุต (ที่มีอาการคันตามนิ้วเท้า)
โรครังแค (Dandruff)
รังแคเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวหนังบริเวณหนังศีรษะที่พบบ่อย โดยส่วนใหญ่จะมีอาการคัน แดง ผิวหนังลอก ลักษณะจะเป็นขุยหรือสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ มักพบบริเวณโคนผม เส้นผม
โรคเซ็บเดิร์ม หรือต่อมไขมันอักเสบ (Seborrheic dermatitis)
ผิวหนังบริเวณที่มีอาการจะแดง แสบ ลอก และอาจมีอาการคันร่วมด้วย มักเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะ ไรผม ระหว่างคิ้ว ปีกจมูก ร่องแก้ม เป็นต้น
โรคเกลื้อน
ลักษณะจะเป็นวงเล็กๆ ขนาดตั้งแต่ 1 มม. รอบ ๆ รูขุมขนจนถึงรวมกันเป็นปื้นใหญ่ มีขุยละเอียด ผื่นนี้จะพบสีได้ต่างๆ กัน เช่น อาจเป็นวงสีขาว สีชมพู สีเทา จนถึงสีน้ำตาลก็พบได้ พบได้บ่อยในบริเวณผิวหนังที่มีต่อมไขมันมาก เช่น บริเวณใบหน้า หน้าอก และหลัง อาจมีอาการคันได้เวลาเหงื่อออก
โรคฮ่องกงฟุต หรือน้ำกัดเท้า
ผิวหนังจะมีลักษณะเปื่อย แดง และลอกเป็นขุย มักเกิดบริเวณง่ามนิ้วเท้า หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจมีการเจ็บปวด มีหนอง เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่มเติมได้
ขนาดและวิธีใช้:
แชมพูที่มีส่วนผสมของตัวยาคีโทโคนาโซล (Ketoconazole)
- การรักษารังแคและเซ็บเดิร์ม: สระผมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องนาน 2-4 สัปดาห์ (กรณีป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกๆ 1-2 สัปดาห์)
- เกลื้อน ฮ่องกงฟุต: ฟอกทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วล้างออกวันละ 1 ครั้ง นาน 1-5 วัน
คำแนะนำในการเลือกใช้แชมพูคีโทโคนาโซล
แชมพูที่มีส่วนผสมของตัวยาคีโทโคนาโซล (Ketoconazole) โดยทั่วไปในท้องตลาดจะมีหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงทำให้หนังศีรษะและเส้นผมเกิดการแห้งเสียได้ ดังนั้นการเลือกใช้แชมพูขจัดเชื้อราที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นรูปแบบมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) หรือ คอนดิชันเนอร์ (conditioner) ที่เป็นสูตรที่ล้างออกง่าย ก็จะช่วยลดการเกิดปัญหาหนังศีรษะและเส้นผมแห้งได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผมเพิ่มเติม เพราะครีมนวดผมหรือสารบำรุงเส้นผมที่มีอยู่ในแชมพูยี่ห้อทั่วไป มักจะเกาะติดแน่นที่หนังศีรษะและล้างออกยาก ทำให้มีโอกาสเกิดเป็นเชื้อราในภายหลังได้